ขานไขความลับ สารก่อมะเร็งมาจากควันธูป

สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) ได้จัดแถลงข่าวผลงานวิจัยเรื่อง
“สารก่อมะเร็ง...ภัยเงียบที่มากับควันธูป” โดยมีนายแพทย์มนูญ ลีเชวงวงศ์ หนึ่งในคณะผู้วิจัย ซึ่งจากการศึกษาวิจัยพบว่า ควันธูปมีสารเหนี่ยวนำให้เกิดมะเร็งถึง 3 ชนิด

                นพ.มนูญ เผยถึงผลงานวิจัยที่ศึกษาร่วมกับ ดร.พนิดา นวสัมฤทธิ์ นักวิจัยสถาบันวิจัยจุฬาภรณ์
โดย สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณ์วลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี ทรงร่วมวิจัยด้วยว่า ควันธูปมีสารก่อมะเร็ง ถึง 3 ชนิด คือ เบนซีน
บิวทาไดอีน และเบนโซเอไพรีน
ซึ่งเหนี่ยวนำให้เกิดมะเร็งปอดได้ และในปัจจุบันโรคปอดเป็น
สาเหตุการตายอันดับต้นๆ ของคนไทย โดยร้อยละ 80-90  ของการป่วยมีสาเหตุมาจากการสูบบุหรี่  แต่ในขณะ
เดียวกัน จากสถิติการรักษาผู้ป่วยมะเร็งปอด ในเพศหญิงกลับพบว่า ผู้ป่วยกว่าร้อยละ 50 ไม่พบประวัติสูบบุหรี่
หรืออยู่ใกล้ชิดกับผู้สูบบุหรี่ อีกทั้งผู้ป่วยไม่มีประวัติการสัมผัสสารก่อมะเร็งจากการประกอบอาชีพเลย  แต่กลับ
เป็นมะเร็งปอด ซึ่งสาเหตุมาจากภัยใกล้ตัวที่เพิ่งค้นพบ นั่นคือสารก่อมะเร็งจากควันธูป

                อย่างไรก็ตาม นพ.มนูญ กล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่มีหลักฐานชี้ชัดว่ามีผู้ป่วยโรคมะเร็งเนื่องจาก
ควันธูปโดยตรง แต่มีหลักฐานจากวิจัยพบว่า ควันธูปมีสารเหนี่ยวนำให้เกิดมะเร็งได้ และงานวิจัยชี้ให้เห็นว่า
ควันธูป 1 ดอก มีปริมาณสารก่อมะเร็งไม่ต่างจากบุหรี่ 1 มวน และหากจุดธูป  3 ดอก ภายในบ้านที่ไม่ได้เปิด
ให้อากาศระบายจะเทียบเท่ากับมลพิษทางอากาศในสี่แยกที่มีการจราจรคับคั่ง แต่ทั้งนี้ระยะเวลาที่จะส่งผลให้
เป็นมะเร็งนั้นต้องสะสมเป็นเวลาสิบๆ ปี เช่นเดียวกับการสูบบุหรี่ ที่ต้องใช้ระยะเวลาในการสะสม

                ควันธูปในวัดสามารถทำอันตรายต่อผู้ที่ไปวัด และผู้ที่อาศัยอยู่ในวัด โดยเฉพาะพระสงฆ์และ
คนงานที่ทำงานในวัด และถ้ายิ่งเป็นสถานที่ที่มีการจุดธูปตลอดทั้งวัน และอากาศไม่ค่อยถ่ายเท ประกอบกับมี
ควันจากท่อไอเสีย  ก็ยิ่งเป็นแหล่งรวมสารก่อมะเร็ง ที่ต้องเฝ้าระวังให้มาก  นอกจากนี้ที่มองข้ามไม่ได้ คือการจุด
ธูปในบ้านตามความเชื่อและประเพณี ที่ปฏิบัติตามกันมาแต่โบราณเพื่อสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งควันธูปในบ้านก็
ถือว่าเป็นอันตรายต่อสุขภาพ